ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อาหารสัตว์เลี้ยงแบบ Freeze Dry (ฟรีซดราย) กลายเป็นที่นิยมในหมู่คนรักสุนัขและแมวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้วยคุณสมบัติที่คงคุณค่าทางโภชนาการของอาหารสดไว้ได้เกือบครบถ้วน แถมยังสะดวกและมีอายุการเก็บรักษานานกว่าอาหารสดทั่วไป บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับอาหารแมวแบบ Freeze Dry ว่าคืออะไร ทำไมถึงเป็นที่นิยม และข้อดีของการเลือกใช้อาหารประเภทนี้
อาหารแบบ Freeze Dry คืออะไร?
อาหารแบบ Freeze Dry คืออาหารที่ผ่านกระบวนการแช่แข็งแล้วทำให้แห้งโดยการระเหยน้ำออกจากอาหารในสภาวะแรงดันต่ำ กระบวนการนี้ช่วยรักษาสารอาหาร รสชาติ และเนื้อสัมผัสของวัตถุดิบไว้ได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้อาหารแมวที่ได้มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และมีความใกล้เคียงกับอาหารสด แต่สะดวกในการเก็บรักษาและใช้งานมากกว่า
ข้อดีของอาหารแมวแบบ Freeze Dry
-
คงคุณค่าทางโภชนาการ: เนื่องจากกระบวนการ Freeze Dry รักษาสารอาหารได้ดี ทำให้สัตว์เลี้ยงได้รับโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุที่สำคัญอย่างครบถ้วนเหมือนกับการทานอาหารสด
-
รสชาติที่น้องชื่นชอบ: อาหาร Freeze Dry มักมีรสชาติที่หอมและอร่อย ทำให้สัตว์เลี้ยงส่วนใหญ่ติดใจ และเหมาะกับน้องๆ ที่มีความช่างเลือกหรือเบื่ออาหารได้ง่าย
-
สะดวกในการเก็บรักษา: อาหาร Freeze Dry มีอายุการเก็บรักษานาน สามารถเก็บไว้ได้หลายเดือนโดยไม่ต้องแช่เย็น นอกจากนี้ยังมีน้ำหนักเบา ทำให้พกพาสะดวกเมื่อเดินทาง
-
ปรับเปลี่ยนตามความต้องการได้ง่าย: คุณสามารถเสริมอาหาร Freeze Dry ให้เป็นส่วนหนึ่งของมื้ออาหารหลักของสัตว์เลี้ยง หรือใช้เป็นขนมรางวัลในระหว่างวันก็ได้
อาหาร Freeze Dry เหมาะกับสัตว์เลี้ยงทุกตัวหรือไม่?
อาหารแบบ Freeze Dry เหมาะกับัสตว์เลี้ยงแทบทุกตัว โดยเฉพาะสัตว์เลี้ยงที่มีปัญหาเรื่องการกินอาหารยากหรือต้องการสารอาหารที่ครบถ้วน อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาสัตวแพทย์ก่อนเสมอหากสัตว์เลี้ยงของคุณมีปัญหาสุขภาพหรือโรคประจำตัว เพื่อให้แน่ใจว่าอาหารชนิดนี้เหมาะสมกับความต้องการของสัตว์เลี้ยงของคุณ
เปรียบเทียบอาหาร Freeze Dry, อาหารเม็ด และอาหารเปียก
เมื่อพูดถึงการเลือกอาหารให้สัตว์เลี้ยง หลายคนอาจลังเลระหว่างอาหาร Freeze Dry, อาหารเม็ด และอาหารเปียก แต่ละประเภทมีคุณสมบัติและข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน ดังนี้:
1. อาหาร Freeze Dry
- คุณค่าทางโภชนาการ: อาหาร Freeze Dry คงคุณค่าทางโภชนาการได้ใกล้เคียงกับอาหารสด เพราะผ่านกระบวนการแช่แข็งแล้วทำให้แห้งโดยไม่ทำลายสารอาหารสำคัญ
- รสชาติ: มักมีรสชาติหอมอร่อยและเป็นธรรมชาติ ทำให้สัตว์เลี้ยงชื่นชอบและยอมทานง่ายกว่าอาหารประเภทอื่น
- การเก็บรักษา: เก็บรักษาได้ยาวนาน ไม่จำเป็นต้องแช่เย็นและพกพาสะดวก
- ราคา: โดยทั่วไปมีราคาสูงกว่าอาหารเม็ดและอาหารเปียก
- การเตรียม: บางแบรนด์อาจต้องเติมน้ำเพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสเหมือนอาหารสดก่อนเสิร์ฟ
2. อาหารเม็ด (Dry Food)
- คุณค่าทางโภชนาการ: อาหารเม็ดมีสารอาหารที่ครบถ้วน แต่มักมีคาร์โบไฮเดรตสูงกว่า ซึ่งไม่เหมาะสำหรับสัตว์เลี้ยงที่ควรเน้นโปรตีนเป็นหลัก
- รสชาติ: มีรสชาติตามสูตรที่กำหนด แต่มักไม่ดึงดูดเท่ากับอาหาร Freeze Dry หรืออาหารเปียก
- การเก็บรักษา: เก็บรักษาได้ง่าย ไม่ต้องแช่เย็นและสามารถทิ้งไว้นานโดยไม่เสีย
- ราคา: ราคาย่อมเยาและคุ้มค่าในการใช้งานระยะยาว
- การเตรียม: สะดวก ไม่ต้องเตรียม สามารถเสิร์ฟได้ทันที
3. อาหารเปียกแมว (Wet Food)
- คุณค่าทางโภชนาการ: อาหารเปียกมีความชุ่มชื้นสูง เหมาะสำหรับสัตว์เลี้ยงที่ไม่ดื่มน้ำมาก มีโปรตีนสูงและคาร์โบไฮเดรตต่ำ แต่ต้องเลือกสูตรที่มีคุณภาพ
- รสชาติ: มักมีรสชาติที่สัตว์เลี้ยงชื่นชอบเพราะมีความชุ่มฉ่ำและกลิ่นหอมจากเนื้อสัตว์
- การเก็บรักษา: ต้องเก็บในตู้เย็นหลังเปิดใช้ และมีอายุการเก็บรักษาสั้นกว่าอาหารเม็ด
- ราคา: มีราคาปานกลาง ขึ้นอยู่กับสูตรและคุณภาพของวัตถุดิบ
- การเตรียม: สะดวกเช่นเดียวกับอาหารเม็ด เพียงเปิดกระป๋องหรือซองแล้วเสิร์ฟ
ตัวอย่างอาหาร Freeze Dry
- JerHigh ขนมสุนัข Jerhigh Freeze Dried 40g
- Nekko Toro ขนมแมว Freeze dry 40g